วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558

รับตรง60


พสวท/เพชรทองกวาว/วคช/วพ คณะวิทย์ ม.เชียงใหม่ 2560
1 February 2016 | อ่าน: 27,960 | หมวดหมู่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช)
รับตรง59 พัฒนาฯช่วง 3 เด็กดีมีที่เรียน ม.เชียงใหม่ 2559
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดรับสมัครเพื่อสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าโครงการพสวท. เพชรทองกวาว วคช. และวพ. คณะวิทยาศาสตร์ ประจำปีการศึกษา 2560


รับตรง60 นักวิทยาศาสตร์เกษตร คณะเกษตร ม.เชียงใหม่ 2560
1 February 2016 | อ่าน: 27,190 | หมวดหมู่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช)
รับตรง59 พัฒนาฯช่วง 3 เด็กดีมีที่เรียน ม.เชียงใหม่ 2559
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดรับสมัครเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะเกษตรศาสตร์ โครงการนักวิทยาศาสตร์เกษตร ประจำปีการศึกษา 2560

รับตรง60 อุดมศึกษาเพื่อทายาทเกษตรกร คณะเกษตร ม.เชียงใหม่ 2560

1 February 2016 | อ่าน: 14,816 | หมวดหมู่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช)
รับตรง59 พัฒนาฯช่วง 3 เด็กดีมีที่เรียน ม.เชียงใหม่ 2559
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดรับสมัครเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะเกษตรศาสตร์ โครงการอุดมศึกษาเพื่อทายาทเกษตรกร ประจำปีการศึกษษ 2560



ปฏิทิน

ปฏิทินรับตรง59 โครงการหลัก 4 โครงการ ม.เชียงใหม่ 2559
ปฏิทินรับตรง59 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี 2559
ปฏิทิน59 GAT-PAT / 9 วิชาสามัญ / O-NET / Admission 2559
ปฏิทินรับตรง59 ประเภทภาคพิเศษ มหาวิทยาลัยบูรพา 2559
ปฏิทินรับตรง59 โครงการของคณะ ทั่วประเทศ ม.เชียงใหม่ 2559
ปฏิทินรับตรง59 +คุณสมบัติ สถาบันพระบรมราชชนก 2559
ปฏิทิน ตารางสอบ O-NET ป.6/ม.3/ม.6 ปีการศึกษา 2558
ปฏิทินรับตรง59 นร. 14 จ.ภาคใต้ ม.สงขลานครินทร์ 2559 (ปรับปรุง/3)

ยอดนิยม


รับตรง59 ภาคปกติ สอบคัดเลือกทั่วไป ม.ราชภัฏนครราชสีมา 2559 (ปรับปรุง/ระเบียบการ)
รับตรง59 วุฒิ ม.6/ปวช. ระบบรับตรง ม.แม่โจ้ 2559 (รอบ 2)
รับตรง59 วิทยาลัยนานาชาติ พระจอมเกล้าพระนครเหนือ 2559
รับตรง59 สอบข้อเขียน คณะพยาบาลศาสตร์ ม.สยาม 2559
รับตรง59 ยื่น GAT/PAT วิศวะระบบการผลิต ลาดกระบัง 2559 (รอบ 2)
รับตรง59 นร.ชายแดนใต้ กระทรวงมหาดไทย สู่ 9 สถาบันอุดมศึกษา 2559
รับตรง59 การบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตร จุฬา 2559 (รอบ 2)
รับตรง59 เทคโนโลยีทางคลินิก-นานาชาติ ม.ธรรมศาสตร์ 2559 (ปรับปรุง/ระเบียบการ)
รับตรง59 โควตา การจัดการวิศวกรรม-นานาชาติ ลาดกระบัง 2559 (รอบ 2)
รูปแบบรับตรง
ทุนการศึกษา
รับตรงสัมภาษณ์อย่างเดียว
รับตรงใช้ 7/9 วิชาสามัญ
รับตรงใช้ GAT PAT
รับตรงไม่ใช้ GAT PAT
รับตรงไม่ใช้เกรด
ปีการศึกษา
รับตรง 58
รับตรง 59

รับตรง 60
ช่วงเวลารับสมัคร
มีนาคม 2559
เมษายน 2559
พฤษภาคม 2559
มิถุนายน 2559
กรกฎาคม 2559
สิงหาคม 2559
กันยายน 2559
ตุลาคม 2559
พฤศจิกายน 2559
ธันวาคม 2559
สถาบัน (ก-ฮ)
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ม.เกษตรศาสตร์
ม.ขอนแก่น
ม.เชียงใหม่
ม.ทักษิณ
ส.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
ม.เทคโนโลยีราชมงคล
ม.เทคโนโลยีสุรนารี
ม.ธรรมศาสตร์
ม.นครพนม
ม.นราธิวาสราชนครินทร์
ม.นเรศวร
ม.บูรพา
ม.พะเยา
ม.มหาสารคาม
ม.มหิดล
ม.แม่โจ้
ม.แม่ฟ้าหลวง
ม.ราชภัฏ
ม.วลัยลักษณ์
ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
ม.ศิลปากร
ม.สงขลานครินทร์
ม.อุบลราชธานี


...อ้างอิง http://www.enttrong.com/tag/532

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

8 สิ่ง ที่เด็กม.6 ควร "รู้จัก" ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เปิดเทอมมาได้สักพักนึงแล้วนะครับสำหรับน้องๆ ตอนนี้ก็น่าจะเริ่มปรับสภาพตัวเองให้เข้ากับการเปิดเทอมได้แล้ว หลังจากได้พักยาวๆมากับการปิดเทอม ซึ่งน้องๆ ม.ปลาย หลายๆคน โดยเฉพาะน้องๆ ม.6 ก็น่าจะเริ่มเตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับการสอบ การแข่งขัน ที่จริงไม่อยากใช้คำนี้
แต่ด้วยระบบการศึกษาบ้านเรา มันเป็นการแข่งขันจริงๆในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นการแข่งขันนี้จะมีไว้สำหรับผู้ที่เตรียมความพร้อมเป็นอย่างดีเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสก่อน ซึ่งการเตรียมความพร้อมจะมีอะไรบ้าง พี่แฮนด์จะมาแนะนำกันครับ


1.รู้จักตัวเอง
การรู้จักตัวเองในที่นี้ไม่ใช่หมายถึงการ รู้ว่าตัวเองบ้านอยู่ไหน พ่อแม่เป็นใครนะครับ ฮ่าๆ แต่หมายถึงการรู้ในสิ่งที่ตัวเองชอบตัวเองรักอยากจะเรียน อยากจะเป็นและอยากจะทำในอนาคต ซึ่งใครที่รู้จักตัวเองได้เร็ว พี่แฮนด์บอกเลยว่า ได้เปรียบชาวบ้านแน่นอน เพราะคนที่รู้จักตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถเตรียมตัวเตรียมการได้ก่อนใคร เพราะฉะนั้นแล้วน้องๆคนไหนที่ยังเอ๋อๆอยู่ หาตัวเองไม่เจอ รีบซะนะครับ โดยเฉพาะน้องๆ ม.6 ทั้งหลาย
การค้นหาตัวเองน้องๆอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก พี่แฮนด์ขอแนะนำให้น้องที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ลองหาข้อมูลคณะต่างที่เปิดสอนอยู่ว่าเรียนเกี่ยวกับอะไร หรือดูอาชีพที่ตัวเองมองว่าทำแล้วจะมีความสุข ซึ่งข้อมูลพวกนี้สามารถหาได้ตามอินเทอร์เน็ตหรืองาน OPEN HOUSE เปิดบ้านของมหาวิทยาลัยต่างๆ
2.รู้จักเส้นทาง
เส้นทางที่ว่านี้ก็คือเส้นทางในการเข้าสู่มหาวิทยาลัยครับ น้องๆมัธยมปลายทุกคนโดยเฉพาะ ม.6 ควรจะรู้จักถึงเส้นทางในการเข้าสู่หมาวิทยาลัยว่ากี่เส้นทาง อะไรบ้าง แอดมิชชันใช้คะแนนอะไรในการยื่น? สัดส่วนเท่าไหร่? รับตรงมีกี่แบบ? ใช้ข้อสอบอะไร? เพื่อการเตรียมตัววางแผนให้กับตัวเอง
3.รู้จักข้อสอบ
แน่นอนครับ ว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นหนีไม่พ้นการสอบแน่ๆ เพราะฉะนั้นน้องๆทุกคนควรจะรู้จักข้อสอบ ในการใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็น GAT PAT ,9 วิชาสามัญ,O-NET น้องๆควรจะศึกษาแนวข้อสอบที่เราต้องใช้ ฝึกทำโจทย์บ่อยๆ ซึ่งในตอนนี้ข้อสอบเหล่านี้มีให้ฝึกทำฟรีมากมาย น้องๆสามารถเข้าไปลองทำ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองได้
4.รู้จักกำหนดการสอบ
ช่วงเวลาของน้องๆ ม.6 พี่แฮนด์บอกเลยว่า เป็นช่วงเวลาที่สับสนอลหม่านแน่นอน เพราะนอกจากการเรียนการสอบในโรงเรียนแล้ว ยังจะมีการสอบ GAT PAT (2รอบ) การสอบ 9 วิชาสามัญ การสอบ O-NET นี่ยังไม่รวมการสอบตรงต่างๆ เพราะฉะนั้นน้องควรจะจัดตาราง ทำปฏิทินตั้งเตือนของตัวเองไว้ ไม่ก็ทำตารางติดไว้ที่ห้องเลยครับ เพื่อไม่ให้พลาดการสอบต่างๆนะครับ

5. รู้จักคุณสมบัติ
คุณสมบัติในที่นี้หมายถึงคุณสมบัติต่างๆที่ทางมหาวิทยาลัยใช้กำหนดในการสมัครสอบ เช่น เกรดเฉลี่ย ซึ่งใครที่ไปเช็คคุณสมบัติก็จะทราบได้ว่าเกรดเฉลี่ยนของเราสามารถจะยื่นสมัครในคณะที่เราอยากเข้าได้หรือไม่ หากเกรดเราไม่ถึงถ้ารู้ก่อนเช็คก่อนก็อาจจะมีเวลาที่จะทำให้เราวางแผนเพิ่มเกรดได้ทัน โดยน้องสามารถเข้าไปเช็คล่วงหน้าได้ที่เวบไซต์คณะหรือมหาวิทยาลัยที่เราอยากจะเข้าอยากจะเรียน แล้วเข้าไปดูระเบียบการในปีก่อนๆเพื่อเป็นการวางแผนเบื้องต้นได้ครับ
6. รู้จักทำportfolio
อันนี้สำคัญจริงๆครับ เพราะในการรับตรงแทบทุกมหาวิทยาลัย ทุกคณะ ส่วนใหญ่จะมีการดูพอร์ทประกอบการสัมภาษณ์แทบทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งครับ ที่นองๆควรจะเตรียมทำportfolio สะสมผลงานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะน้องๆ ที่อยากเข้าคณะด้านสถาปัตย์ ศิลปกรรม คณะพวกนี้จำเป็นต้องใช้พอร์ทอย่างยิ่งครับ
7.รู้จักค่าสมัครสอบ
อันนี้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งครับ ที่น้องๆอาจจะมองข้ามไป แต่พี่แฮนด์มองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากเหมือนกันครับ นั่นคือค่าสมัครสอบ เพราะ ม.6 นั้น ในการสมัครสอบต่างๆล้วนเป็นเงินทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็น GAT PAT การสอบ9วิชาสามัญ ยกเว้นแค่การสอบ O-NETอย่างเดียวที่น้องๆไม่ต้องเสียเงิน การสอบรับตรงของมหาวิทยาลัยต่างๆก็ต้องเสียค่าสมัครสอบด้วยกันทั้งนั้นครับ เพราะฉะนั้นแล้วน้องๆที่ทางผู้ปกครองอาจะไม่ค่อยมีฐานะมากนัก ควรจะวางแผนในการสอบ เพื่อไม่ให้เป็นการเปลืองค่าสมัครสอบโดยใช่เหตุครับ
8.รู้จักเวลา
"เวลา" สำหรับน้องๆ ม.6 พี่แฮนด์มองว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดครับ เพราะเป็นช่วงที่มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้น้องๆต้องทำ เพราะฉะนั้นหากน้องๆทำการจัดสรรเวลาไม่เป็น อาจจะทำให้ไม่เป็นดั่งที่น้องๆหวังได้ พยายามจัดสรรเวลาในการอ่านหนังสือ การเรียน การสอบให้ดี และอย่าลืมว่านี้เป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตเด็กมัธยมแล้ว ยังไงก็อย่าลืมเพื่อนๆและหาเวลาในการไปเที่ยว คลายเครียดกันด้วยนะครับ เพราะบางที หลังจบ ม.6 ไปแล้ว อาจจะเป็นเรื่องยากก็ได้ที่จะได้กลับมารวมกลุ่มพร้อมหน้าพร้อมตา เฮฮากันอีกครั้ง
นี่ก็คือ 8 สิ่ง ที่พี่แฮนด์อยากจะให้น้องๆ ไม่ว่าจะเป็น ม.6 หรือน้องๆม.ปลายทั้งหลาย ได้รู้จักและเตรียมตัว เพื่ออนาคตของน้องๆทุกคน สู้ๆครับบทความโดย ธารา อิสสระ (พี่แฮนด์)facebook : handyman eduzonestwitter : Handy_hotspurs
สนับสนุนเนื้อหาโดย
www.eduzones.com
8 สิ่ง ที่เด็กม.6 ควร "รู้จัก" ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เปิดเทอมมาได้สักพักนึงแล้วนะครับสำหรับน้องๆ ตอนนี้ก็น่าจะเริ่มปรับสภาพตัวเองให้เข้ากับการเปิดเทอมได้แล้ว หลังจากได้พักยาวๆมากับการปิดเทอม ซึ่งน้องๆ ม.ปลาย หลายๆคน โดยเฉพาะน้องๆ ม.6 ก็น่าจะเริ่มเตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับการสอบ การแข่งขัน ที่จริงไม่อยากใช้คำนี้
แต่ด้วยระบบการศึกษาบ้านเรา มันเป็นการแข่งขันจริงๆในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพราะฉะนั้นการแข่งขันนี้จะมีไว้สำหรับผู้ที่เตรียมความพร้อมเป็นอย่างดีเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสก่อน ซึ่งการเตรียมความพร้อมจะมีอะไรบ้าง พี่แฮนด์จะมาแนะนำกันครับ

1.รู้จักตัวเอง
การรู้จักตัวเองในที่นี้ไม่ใช่หมายถึงการ รู้ว่าตัวเองบ้านอยู่ไหน พ่อแม่เป็นใครนะครับ ฮ่าๆ แต่หมายถึงการรู้ในสิ่งที่ตัวเองชอบตัวเองรักอยากจะเรียน อยากจะเป็นและอยากจะทำในอนาคต ซึ่งใครที่รู้จักตัวเองได้เร็ว พี่แฮนด์บอกเลยว่า ได้เปรียบชาวบ้านแน่นอน เพราะคนที่รู้จักตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆ จะสามารถเตรียมตัวเตรียมการได้ก่อนใคร เพราะฉะนั้นแล้วน้องๆคนไหนที่ยังเอ๋อๆอยู่ หาตัวเองไม่เจอ รีบซะนะครับ โดยเฉพาะน้องๆ ม.6 ทั้งหลาย
การค้นหาตัวเองน้องๆอาจมองว่าเป็นเรื่องยาก พี่แฮนด์ขอแนะนำให้น้องที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร ลองหาข้อมูลคณะต่างที่เปิดสอนอยู่ว่าเรียนเกี่ยวกับอะไร หรือดูอาชีพที่ตัวเองมองว่าทำแล้วจะมีความสุข ซึ่งข้อมูลพวกนี้สามารถหาได้ตามอินเทอร์เน็ตหรืองาน OPEN HOUSE เปิดบ้านของมหาวิทยาลัยต่างๆ
2.รู้จักเส้นทาง
เส้นทางที่ว่านี้ก็คือเส้นทางในการเข้าสู่มหาวิทยาลัยครับ น้องๆมัธยมปลายทุกคนโดยเฉพาะ ม.6 ควรจะรู้จักถึงเส้นทางในการเข้าสู่หมาวิทยาลัยว่ากี่เส้นทาง อะไรบ้าง แอดมิชชันใช้คะแนนอะไรในการยื่น? สัดส่วนเท่าไหร่? รับตรงมีกี่แบบ? ใช้ข้อสอบอะไร? เพื่อการเตรียมตัววางแผนให้กับตัวเอง
3.รู้จักข้อสอบ
แน่นอนครับ ว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นหนีไม่พ้นการสอบแน่ๆ เพราะฉะนั้นน้องๆทุกคนควรจะรู้จักข้อสอบ ในการใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็น GAT PAT ,9 วิชาสามัญ,O-NET น้องๆควรจะศึกษาแนวข้อสอบที่เราต้องใช้ ฝึกทำโจทย์บ่อยๆ ซึ่งในตอนนี้ข้อสอบเหล่านี้มีให้ฝึกทำฟรีมากมาย น้องๆสามารถเข้าไปลองทำ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองได้
4.รู้จักกำหนดการสอบ
ช่วงเวลาของน้องๆ ม.6 พี่แฮนด์บอกเลยว่า เป็นช่วงเวลาที่สับสนอลหม่านแน่นอน เพราะนอกจากการเรียนการสอบในโรงเรียนแล้ว ยังจะมีการสอบ GAT PAT (2รอบ) การสอบ 9 วิชาสามัญ การสอบ O-NET นี่ยังไม่รวมการสอบตรงต่างๆ เพราะฉะนั้นน้องควรจะจัดตาราง ทำปฏิทินตั้งเตือนของตัวเองไว้ ไม่ก็ทำตารางติดไว้ที่ห้องเลยครับ เพื่อไม่ให้พลาดการสอบต่างๆนะครับ

5. รู้จักคุณสมบัติ
คุณสมบัติในที่นี้หมายถึงคุณสมบัติต่างๆที่ทางมหาวิทยาลัยใช้กำหนดในการสมัครสอบ เช่น เกรดเฉลี่ย ซึ่งใครที่ไปเช็คคุณสมบัติก็จะทราบได้ว่าเกรดเฉลี่ยนของเราสามารถจะยื่นสมัครในคณะที่เราอยากเข้าได้หรือไม่ หากเกรดเราไม่ถึงถ้ารู้ก่อนเช็คก่อนก็อาจจะมีเวลาที่จะทำให้เราวางแผนเพิ่มเกรดได้ทัน โดยน้องสามารถเข้าไปเช็คล่วงหน้าได้ที่เวบไซต์คณะหรือมหาวิทยาลัยที่เราอยากจะเข้าอยากจะเรียน แล้วเข้าไปดูระเบียบการในปีก่อนๆเพื่อเป็นการวางแผนเบื้องต้นได้ครับ
6. รู้จักทำportfolio
อันนี้สำคัญจริงๆครับ เพราะในการรับตรงแทบทุกมหาวิทยาลัย ทุกคณะ ส่วนใหญ่จะมีการดูพอร์ทประกอบการสัมภาษณ์แทบทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่งครับ ที่นองๆควรจะเตรียมทำportfolio สะสมผลงานไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะน้องๆ ที่อยากเข้าคณะด้านสถาปัตย์ ศิลปกรรม คณะพวกนี้จำเป็นต้องใช้พอร์ทอย่างยิ่งครับ
7.รู้จักค่าสมัครสอบ
อันนี้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่งครับ ที่น้องๆอาจจะมองข้ามไป แต่พี่แฮนด์มองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากเหมือนกันครับ นั่นคือค่าสมัครสอบ เพราะ ม.6 นั้น ในการสมัครสอบต่างๆล้วนเป็นเงินทั้งหมดครับ ไม่ว่าจะเป็น GAT PAT การสอบ9วิชาสามัญ ยกเว้นแค่การสอบ O-NETอย่างเดียวที่น้องๆไม่ต้องเสียเงิน การสอบรับตรงของมหาวิทยาลัยต่างๆก็ต้องเสียค่าสมัครสอบด้วยกันทั้งนั้นครับ เพราะฉะนั้นแล้วน้องๆที่ทางผู้ปกครองอาจะไม่ค่อยมีฐานะมากนัก ควรจะวางแผนในการสอบ เพื่อไม่ให้เป็นการเปลืองค่าสมัครสอบโดยใช่เหตุครับ
8.รู้จักเวลา
"เวลา" สำหรับน้องๆ ม.6 พี่แฮนด์มองว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดครับ เพราะเป็นช่วงที่มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างให้น้องๆต้องทำ เพราะฉะนั้นหากน้องๆทำการจัดสรรเวลาไม่เป็น อาจจะทำให้ไม่เป็นดั่งที่น้องๆหวังได้ พยายามจัดสรรเวลาในการอ่านหนังสือ การเรียน การสอบให้ดี และอย่าลืมว่านี้เป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตเด็กมัธยมแล้ว ยังไงก็อย่าลืมเพื่อนๆและหาเวลาในการไปเที่ยว คลายเครียดกันด้วยนะครับ เพราะบางที หลังจบ ม.6 ไปแล้ว อาจจะเป็นเรื่องยากก็ได้ที่จะได้กลับมารวมกลุ่มพร้อมหน้าพร้อมตา เฮฮากันอีกครั้ง
นี่ก็คือ 8 สิ่ง ที่พี่แฮนด์อยากจะให้น้องๆ ไม่ว่าจะเป็น ม.6 หรือน้องๆม.ปลายทั้งหลาย ได้รู้จักและเตรียมตัว เพื่ออนาคตของน้องๆทุกคน สู้ๆครับบทความโดย ธารา อิสสระ (พี่แฮนด์)facebook : handyman eduzonestwitter : Handy_hotspurs
สนับสนุนเนื้อหาโดย
www.eduzones.com

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

วิธีการแก้ปากแห้ง.

ปากแห้ง  ปากแห้งที่ว่านี้ปากแห้งที่ด้านในไม่ใช่ที่ริมฝีปาก  อาการปากแห้งที่ว่าจะทำให้เคี้ยวอาหารลำบากน้ำลายน้อยและการกลืนก็ลำบากเช่นกัน  แล้วยังส่งผลต่อริมฝีปากให้แห้งอีกด้วย  และมีผลอื่นๆตามมาเช่น  แผลในปาก  กลิ่นปาก  มักมีสาเหตุจากอาจจะเกิดจากร่างกายเราผิดปกติไป  เกิดจาการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของน้ำลายทำให้ผลิตน้ำลายลดลง  อาจจะเกิดความเครียดของผู้นั้น   การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน  ผลข้างเคียงของการใช้ยาบางชนิด  การรักษาด้วยรังสีเคมี  และอื่นๆ  อาการปากแห้งสามารถรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ
1.การดื่มน้ำ  การที่ร่างกายของเราได้รับน้ำที่เพียงพอเป็นเรื่องที่จำเป็นมากหากได้รับน้ำน้อยก็จะทำให้ปากเราแห้งได้ง่าย  ดั้งนั้นการดื่มน้ำให้มากๆ  จะทำให้ร่างกายเราลดอุณหภูมิลงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปากในการผลิตน้ำลาย
                   –ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว  ให้สม่ำเสมอ
                   –หากเป็นน้ำผลไม้หรือน้ำผักจะดีมากอย่างเช่นน้ำแตงโม  น้ำแตงกวา  น้ำใบบัวบก
                   –หรือดื่มน้ำมะพร้าววันล่ะ 1 – 2 แก้วทุกวัน
                   –กินอาหารที่อ่อนและย่อยได้ง่าย
2.พริกป่น  จากความเผ็ดร้อนของพริก  สามารถทำให้กระตุ้นต่อมน้ำลายออกมาได้
                  –ใช้พริกป่นแตะที่บริเวณนิ้วมือให้ถูไปรอบๆ  ลิ้น  จะทำให้มีอาการเผ็ดแต่น้ำลายจะไหลออกมามากขึ้น
                 –ใช้พริกป่นในการประกอบอาหาร
3.เมล็ดยี่ร่า  เมล็ดของยี่ร่านั้นจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำลาย  ยังช่วยในการระงับกลิ่นปากได้ดี
                 –ให้เคี้ยวหรือว่าแทะเมล็ดยี่ร่า  ในหลายครั้งต่อ 1 วัน
                 –ใช้ผสมกับข้าวกินวันละ 3 มื้อ
4.ว่านหางจระเข้  สมุนไพรที่ใช้กันมาอย่างยาวนานเป็นการสมานและกระตุ้นความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง  นอกจากนั้นยังช่วยปกป้องผิวในปากของเราได้
               –ดื่มน้ำว่านหางจระเข้ทุกวันประมาณ 1 – 2 แก้วทุกวัน
               –มีบางคนไม่สามารถดื่มได้ก็ทำเป็นน้ำบ้วนปากได้เช่นกัน
               –น้ำมันหรือเจลว่านหางจระเข้สามารถที่จะทาบริเวณในปากได้
5.น้ำมันองุ่น  น้ำมันองุ่นมีประสิทธิภาพในการรักษาอาการปากแห้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง  และมีวิตามินซีรักษาแผลในปากได้
              1.ใช้น้ำมันองุ่น  ทาในปากและที่ลิ้น  และด้านใน
              2.ทิ้งไว้ทั้งคืน
              3.ให้ล้างปากแล้วแปรงฟันตามปกติ
             4.ทำช้ำทุกวันก่อนนอ
6.มะนาว  น้ำมะนาวที่มีรสเปรี้ยวจะช่วยให้กระตุ้นน้ำลายออกมาได้  และยังมีผลไม้ชนิดอื่นที่ทำให้เรารู้สึกเปรี้ยวปากแล้วน้ำลายไหลก็สามารถที่จะกินได้บ่อยๆได้เช่นเดียวกัน  น้ำมะนาวสามารถที่จะดับกลิ่นปากได้ดี
                    –ผสมน้ำมะนาวและน้ำผึ้งเล็กน้อยลงในแก้ว  ให้จิบตลอดทั้งวัน
                    –สามารถที่จะดื่มน้ำมะนาวไม่ผสมน้ำตาลบ่อยๆได้
                   –ให้นำมะนาวฝานเป็นชิ้นเล็กๆ  และโรยด้วยเกลือ  ทำการบีบน้ำมะนาวลงที่ลิ้น
7.กระวาน   กระวานสามารถที่จะรักษาปากแห้งและลดกลิ่นปากได้
                   –เคี้ยวกระวานหลังอาหารที่ตามต้องการที่ปากแห้ง
                   –นอกจากนั้นยังสามารถใช้กระวานล้างปากของคุณวันละสองครั้งได้
8.ขิง  ขิงสามารถรักษาอาการปากแห้งได้  มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นต่อมน้ำลายออกมา
                –เคี้ยวขิงให้เป็นชิ้นเล็กๆ  ทำบ่อยๆ  จะลดอาการปากแห้งได้
                –หรือดื่มน้ำขิงวันละ 2 – 3 แก้ว  ผสมกับน้ำผึ้งทำให้ประสิทธิภาพที่ดี
แนะนำเพิ่มเติม
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยง ลูกอม  หมากฝรั่งที่มีน้ำตาล
  • บ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ 3 – 4 ครั้งต่อวัน
  • ให้นอนในบริเวณที่มีความชื้นพอเหมาะสมกับร่างกาย
  • ลดอาหารที่มีรสจัดหรือว่าละคายเคืองปาก

วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2558

รักษาแผล และ แก้รองเท้ากัด....


 รองเท้ากัดเป็นปัญหาที่พบบ่อยและเป็นความทุกข์ใจเพราะส่วนมาก  เพราะมักจะเป็นรองเท้าคู่ใหม่ที่เราชอบหรือว่าพึ่งซื้อมานั้นกลับทำให้เท้าเราเจ็บ  ในบางครั้งการที่รองเท้ากัดนั้นจะทำให้เกิดเป็นแผลที่มีขนาดใหญ่หากมีเชื้อโรคเข้าไปก็จะทำให้ติดเชื้อและอักเสบตามมาได้และเมื่อเป็นแผลก็ไม่สามารถใส่รองเท้าอื่นได้  ปัญหานี้เจอกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชายเพราะว่าผู้หญิงนั้นมักเปลี่ยนรองเท้าบ่อยและยังเป็นรองเท้าส้นสูงอีกด้วย  แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วแผลที่เป็นจะหายช้าเราจึงมีวิธีในการรักษาด้วยธรรมชาติทำให้แผลที่เป็นนั้นหายเร็วได้
                     1.น้ำมันมะพร้าว  น้ำมันมะพร้าวที่ขายตามท้องตลาดช่วยลดอาการรองเท้ากัดได้ด้วย   น้ำมันในมะพร้าวจะรักษาผิวของเรา  และจะช่วยลดอาการอักเสบของแผลทำให้ลดอาการปวดแสบปวดร้อนของแผลรองเท้ากัดได้   โดยการนำน้ำมันมะพร้าวผสมกับการบูรใช้ทาที่บริเวณรองเท้ากัดวันละ 2 ครั้ง  จะทำให้อาการเจ็บปวดลดลงได้
                    2.น้ำผึ้ง  น้ำผึ้งมีประสิทธิภาพในการรักษาแผลที่เกิดจากร้องเท้ากัดได้สามารถสมานแผลที่ซ้ำหรือว่าลอกได้ดี  ลดอาการเจ็บและแสบได้ควรใช้น้ำผึ้งที่ได้จากธรรมชาติจะดีที่สุด  ใช้น้ำผึ้งผสมกับน้ำมันงาอย่างละส่วนให้เท่ากันใช้ทาบริเวณที่รองเท้ากัดจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำอุ่น  ทำวันละสองครั้งจนกว่าจะหาย  หรือใช้น้ำผึ้งอย่างเดียวทาวันละ 3 ครั้ง
                   3.แป้งข้าวจ้าว  แป้งข้าวจ้าวสามารถที่จะขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่าย  ซึ่งทำความสะอาดและเป็นการผลัดเซลล์ที่แผลได้ดี  ผสมน้ำกับแป้งข้าวจ้าวให้พอกบริเวณที่รองเท้ากัดโดยการพอกเป็นเวลา 15 นาทีหรือว่าจนกว่าแผลจะแห้ง  แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นทำซ้ำวันละ 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์จนกว่าแผลจะหาย
                  4.ว่านหางจระเข้  มีคุณสมบัติบรรเทาอาการอักแสบและการปวดแสบปวดร้อนได้เป็นอย่างดี  สามารถรักษาแผลที่เกิดจากรองเท้ากัดได้อย่างรวดเร็ว  นอกจากนั้นยังช่วยไม่ให้เกิดอาการติดเชื้ออีกด้วย  ใช้เจลว่านหางจระเข้ทางบริเวณที่รองเท้ากัดหรือว่าใช้ว่านหางจระเข้ที่สดๆทาไว้จนกว่าจะเหนี่ยวแล้วรอให้แห้ง  ล้างออกด้วยน้ำอุ่น  ทำซ้ำวันละ 3 – 4 ครั้ง
                 5.น้ำแข็ง  น้ำแข็งรักษาอาการปวดแสบปวดร้อนได้ดี  นำน้ำแข็งมางานไว้บริเวณที่ถูกรองเท้ากัดโดยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที  สามารถที่จะทำได้วันละหลายครั้งตามต้องการ
                  6.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์สามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคได้และลดอาการระคายเคืองลดอาการติดเชื้อได้อีกด้วย  ใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หยดลงไปที่สำลีในปริมาณที่เล็กน้อย  ถูบนบริเวณที่รองเท้ากัดให้ทาบ่อยๆต่อวัน
                 7.ยาสีฟัน  ยาสีฟันสามารถที่จะทำให้แผลที่โดนรองเท้ากัดนั้นแห้งได้ง่าย  เพราะยาสีฟันมีส่วนผสมของสารที่ใช้ลดอาการปวดแสบปวดร้อนได้และทำให้แผลแห้ง  ใช้เพียงเล็กน้อยทาที่บาดแผลทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง  ทำความสะอาดด้วยการเช็ดออกใช้วาสลีนทาอีกครั้ง ทำทุกวันจนกว่าแผลจะหาย
                8.มะนาว  มะนาวที่มีรสเปรี้ยวตามธรรมชาติมียาฆ่าเชื้อโรคและลดอาการคัน  รักษาในเรื่องของแผลเป็นได้  ใช้สำลีโดยการบีบมะนาวลงไปในสำลีก่อนแล้วจึงค่อยนำไปเช็ดที่แผล   รอให้แห้งแล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่นใช้วิธีการนี้วันละ 2 – 3 ครั้ง
เคล็ดลับในการป้องกันรองเท้ากัด
1.เลือกรองเท้าคู่ใหม่ให้เลือกรองเท้าที่มีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือว่าน้ำหนักให้พอดี  สวมใส่สบาย
2.ควรเลือกรองเท้าที่ใส่แล้วพอดีไม่คับหรือว่าหลวมไป
3.ก่อนที่จะแน่ใจการเลือกรองเท้าควรเลือกแล้วทดลองเดินไปรอบๆ  เพื่อดูความพอดีในการส่วนใส่ให้เหมาะสม
4.ใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวในบริเวณที่เกิดรองเท้ากัด  โดยทาที่รองเท้า 3 วันติดต่อกันก่อนที่เราจะน้ำมาใส่
5.หาแผลที่รองเท้ากัดที่มีขนาดใหญ่หรือว่าหายช้าควรไปพบแพทย์เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

 นาโนเทคโนโลยี คืออะไร?

นาโนเทคโนโลยี  เป็นการประยุกต์ทางวิทยาศาสตร์ที่ปัจจุบันมีการพูดถึงกันมาก  และถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกในอดีตและปัจจุบันเป็นอย่างมาก  หากเราจะเห็นสิ่งต่างๆอยู่รอบตัวเรานั้นเกิดจากสิ่งที่เล็กรวมตัวกันทำให้เกิดสิ่งใหม่หรือมีขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า “อะตอม” โดยอะตอมจะมีการเรียงตัวกันในรูปแบบต่างๆ  ทำให้เกิดสิ่งของขึ้นมาเป็นเป็นรูปร่างและมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็น  หนังสือ  โต๊ะ  ปากกา  ดินสอ  น้ำ  หรือสิ่งอื่นที่เป็นสสาร  การที่เราพบว่าสสารเหล่านั้นเกิดจากการเรียงตัวของอะตอมทำให้เราคิดค้น  นำอะตอมมาประกอบเป็นสสารที่มีคุณสมบัติใหม่   โดยอะตอมมีขนาดที่เล็กมากไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า  จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการนำอะตอมมาเรียงตัวกันใหม่
                   ถึงแม้ว่าในอดีตเราจะรู้จักอะตอมหรือที่เรียกว่าโมเลกุลมานานแล้วก็ตาม  แต่ยังไม่สามารถทำไปใช้หรือว่าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างในระดับโมเลกุลให้ได้คุณสมบัติและสสารตัวใหม่  เพียงแค่นำแร่ธาตุมาผสมกันหรือว่าย่อส่วนให้มีขนาดที่เล็กลงเท่านั้น  อย่างเช่นไมโครซิฟ  ซึ่งมีข้อจำกัดมาก  ส่งผลทำให้คิดค้นนำโมเลกุลมาจัดเรียงทำให้เกิดวัสดุใหม่ที่มีขนาดเล็กลงและมีคุณสมบัติใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม  เมื่อครั้งบริษัท  IBM  ได้นำกล้องจุลทรรศน์ที่สามารถมองเห็นการเคลื่อนที่ของอะตอม  และสามารถที่จะกำหมดการเคลื่อนที่ของโมเลกุลนั้นได้  เป็นแนวคิดต้นแบบในการนำโมเลกุลมาควบคุมและจัดเรียงใหม่  โดยใช้โมเลกุลสามารถจัดเรียงได้ตามต้องการและเที่ยงตรง
ความหมายของนาโนเทคโนโลยี
nano-184187_640
                   นาโน คือ  อัตราส่วน 1 ในพันล้าน  หรือเท่ากับ  เมตร  เราจึงพูดกันทั่วไปว่านาโนเมตร  เป็นการเรียงตัวในระดับโมเลกุลมาจัดเรียง 10 ตัว  เพื่อให้สสารที่มีคุณสมบัติใหม่ที่ดีและสามารถทำให้มีขนาดเล็กมากเหมาะสมกับการนำไปใช้ประโยชน์ตามต้องการ  เช่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์  ผ้านาโน  หุ่นยนต์นาโน  โดยการนำเอาโมเลกุลมาจัดเรียงทาเคมีและกลศาสตร์ผสมผสานกัน
ตัวอย่าง  นาโนเทคโนโลยี
นาโนเทคโนโลยีได้นำมาประยุกต์เพื่อไปใช้งานในด้านต่างๆ  ได้มากมายและยังมีการคิดค้นจนสามารถได้อุปกรณ์ที่เกิดจากนาโนเทคโนโลยีไว้มากมาย  มีส่วนช่วยให้ชีวิตประจำของมนุษย์สะดวกสบายขึ้น  ตัวอย่างเช่น
  • วัสดุนาโน เป็นการสร้างวัสดุขึ้นมาใหม่หรือว่าเปลี่ยนแปลงวัสดุเดิม  โดยการสร้างและควบคุมที่น้อยกว่า 100 นาโนเมตร  ทำให้มีวัสดุที่ดี  แข็งแรงทนทาน  มีขนาดเล็กลงมาก เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีรูปแบบต่างกัน  เช่น  ชิ้นส่วนรถยนต์  เครื่องบิน  ยานอวกาศ  วงจรอิเล็กทรอนิกส์  เซลามิก
  • ท่อนาโนคาร์บอน เป็นวัสดุตัวนำไฟฟ้าหรือกิ่งตัว  มีขนาดที่เล็ก  ที่สามารถนำไปประกอบกับอุปกรณ์ทรอนิกส์
  • หุ่นยนต์นาโน หุ่นยนต์สามารถที่จะทำงานและได้รับพลังงานจากโปรตีนที่ร่างกายคนเราใช้เพื่อใช้ในการรักษาโรคต่างๆ  ในระดับ RAN
ประโยชน์ของนาโนเทคโนโลยี
ประโยชน์ของนาโนนั้นสามารถที่จะนำไปใช้ในด้านต่างๆ  อย่างกว้างขวาง  ทำให้มนุษย์มีความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ  และช่วยนำไปพัฒนาชีวิต  วิทยาศาสตร์  การแพทย์  การขนส่ง
  • คอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กลงและทำงานที่รวดเร็ว  ประหยัดพลังงาน  การใช้นาโนเทคโนโลยีมาผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ทำให้มีขนาดเล็กลง  ใช้พลังงานน้อยลง  ทำให้มีขนาดและราคาที่ลดลง
  • รักษาโรคและอาการต่างๆ มีการนำเอานาโนเทคโนโลยีมาสร้างหุ่นยนต์ขนาดเล็กมาก  โดยสามารถเข้าไปในร่างกายผ่านกระแสเลือด  หุ่นยนต์จะทำหน้าที่หาจุดบกพร่องในระดับเซลล์  จะเข้าไปตรวจสอบและทำลายเซลล์ที่ผิดปกติในร่างกาย
  • ยานยนต์และอวกาศ ในด้านวัสดุที่มีความเขาช่วยลดพลังงานในการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์  ลดแรงเสียดทาน  มีความแข็งแรงและทนทานมากขึ้น  ในรถยนต์ได้นำมาเป็นวัสดุของเครื่องยนต์ในการสันดาปภายในโดยใช้พลังงานน้อย  และมีความแข็งแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
  • ในด้านวิทยาศาสตร์ การนำนาโนเทคโนโลยีมาใช้งานด้านอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ช่วยให้มีการค้นคว้าอะไรหลายอย่างได้มากขึ้นและช่วยให้งานวิจัยได้ดีและมีความแม่นยำ จึงทำให้วิทยาศาสตร์มีความก้าวหน้าไป ทั้ง  เคมี  ชีววิทยา และอื่นๆ
  • สิ่งแวดล้อม ช่วยให้คิดค้น  อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงานลดใช้ทรัพยากร  และมีการปรับปรุงในอุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในการกำจัดมลพิษ
  • วัสดุอุปกรณ์ ทำให้เกิดวัสดุอุปกรณ์ที่เกิดขึ้นมาใหม่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้มากมาย  เพื่อให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น  มีขนาดเล็กลง  มีความแข็งแรงมากขึ้น และมีคุณสมบัติที่ที่เหมาะสมกับการนำไปใช้งาน  อย่างเช่น ผ้านาโน เป็นผ้าที่ระบายอากาศได้และไม่มีกลิ่นอับไม่สะสมแบคทีเรีย  พลาสติกที่มีความแข็งแรงและขนาดเบา  เป็นต้น
ในแต่ละสสารมีโมเลกุลและคุณสมบัติเฉพาะ  ตัวอย่างรูปแบบโมเลกุล
2-นาโนเทคโนโลยีคืออะไร

เล็บบอกโรคอย่างไร 


โรคเกือบทุกโรคมักเกิดจากความผิดปกติของร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งละไปกระทบอีกส่วนหนึ่งได้  แล้วยังมีอวัยวะบางส่วนที่ส่งผลกระทบถึงกันได้ด้วย  แต่ก็มีหลายโรคที่เชื่อมต่อด้วยกันอย่างเช่นเล็บที่สามารถบอกถึงความผิดปกติของร่างกายได้บางอย่าง อย่างเช่นโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์  และยังมีโรคอีกมากที่เล็บสามารถบอกความผิดปกติเกราะมีความเชื่อมโยงกัน  การขาดสารอาหารบางอย่างมีผลกระทบกับเล็กได้อย่างเช่นแร่ธาตุและวิตามิน ดังนั้นแล้วการที่เล็บของเรามีความผิดปกติก็บ่งบอกจึงอาการของโรคที่จะตามมาได้เราควรที่จะดูแลเล็บของตัวเองบ่อยๆ
  • ความผิดปกติของต่อมไทยรอยด์ เช่นไฮเปอร์ไทรอยดิลิซึม หรือไฮไทยนอยลิซึม  มีการเชื่อมโยงกับเล็บและต่อมไทรอยด์  มักจะเกิดขึ้นกับเล็บมือจะเป็นนิ้วกลางและนิ้วก้อย  เล็บจะมีลักษณะโกรงตัวขึ้นออกจากนิ้วมือ  ซึ่งส่งผลทำให้สิ่งสกปรกและแบคทีเรียเข้าไปในเล็บได้ง่ายด้วย
  • หัวใจและหลอดเลือด ปัญหาทั้งหลายเกี่ยวกับหัวใจเช่น  ความดันผิดปกติ  มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง  โดยเล็บสามารถบอกถึงความผิดปกติ  จะเป็นเส้นเลือดสีแดงอยู่ในเล็บหรือจะเป็นเศษเลือดภายในเล็บ  หรือเล็บนุ่มไม่แข็งแรงเหมือนเก่า
  • ความเครียด มีการพบว่าคนจำนวนไม่น้อยเครียดแล้วจะกัดแทะเล็บตัวเอง  ซึ่งจะทำให้เล็บฉีกอาจเหมือนจะไม่ร้ายแรงแต่สามารถนำเชื้อโรคเข้าไปในเล็บได้ง่ายขึ้น  ทำให้เล็บติดเชื้อต่างๆตามาได้หากพบว่าคนใกล้ตัวเรากัดเล็บควรที่จะนำไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจว่ามีความเครียดสูงหรือให้ผ่อนคลายบ้าง
  • โรคเบาหวาน เล็บจะเห็นสีเหลืองมีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับการเป็นเบาหวาน  โดยจะเหลืองทั้งเล็บและนิ้วมือ  แต่จะเห็นได้ชัดเจนที่เล็บ  เนื่องจากระดับน้ำตาลมีส่วนเกี่ยวกับกับโปรตีนในเล็บ  หากพบว่ามีเล็บที่เหลืองมากกว่าผิดปกติหรือว่าเป็นบากแผลแล้วหายช้า  กระหายน้ำบ่อยควรไปพบแพทย์
  • โรคข้ออักเสบ โรคเกี่ยวกับข้ออักเสบ มักเกี่ยวข้องกับเล็บด้วยเพราะว่าการขาดแคลเซียมและโปรตีนมีผลต่อทั้งเล็บและกระดูก ทำให้เล็บหักง่าย  ฉีกง่าย  เปราะบาง
  • โรคสะเก็ดเงิน เล็บจะเหลืองและมีผิวที่ไม่สม่ำเสมอจะเป็นหลุมลงไป
  • โภชนาการบกพร่อง เล็บสามารถบอกได้ว่าร่างกายของเราขาดสารได้บางตัว  หากต้องการเล็บสวยต้องรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 ไขมัน  โปรตีน  และเหล็ก  หากเล็บซีดและสีขาว  มักพบกับคนที่ขาดธาตุเหล็กเป็นโลหิตจาง  และได้รับโปรตีนที่น้อยนอกจากนั้นยังพบว่าโรคขาดสารอาหารบางอย่างเหล่านี้จะทำให้เล็บมีรูปร่างที่ผิดปกติด้วย
  • การติดเชื้อ เล็บเป็นส่วนหนึ่งที่อยู่ปลายนิ้วจะทำให้สัมผัสเชื้อโรคได้ง่าย  โดยจะมีลักษณะสีแดงมีอาการคันที่รอบเล็บ  เล็บเท้ามีความเสี่ยงในการติดเชื้อมากส่วนมากจะเป็นเชื้อรา  แบคทีเรีย  ถึงแม้จะเป็นแค่ที่เล็บแค่ยังบ่งบอกจึงภูมิคุ้มกันอ่อนแอด้วย  เชื้อแบคทีเรียทำให้เล็บไม่น่าดูและหลุดออกมาง่ายหากมีรักษาอาจจะเปลี่ยนรูปไปตลอด
เพิ่มเติม  ป้องกันเล็บติดเชื้อ
  • สวมถุงมือเมื่อต้องนำมือไปสัมผัสสิ่งของสกปรก อย่างเช่นทำความสะอาด  ทำสวน
  • ทำการตัดเล็บให้สั้นพอไม่มากไม่น้อยอย่างสม่ำเสมอ อย่างทำการฉีกเล็บหากพบว่าเล็บฉีกให้ตัดออก
  • เมื่อเล็บแห้งใช้ครีมหรือน้ำมันทาเล็บเพื่อให้เล็บชุ่มชื่นอยู่ตลอดเวลา
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่รุนแรง
  • ให้ล้างมือด้วยสบู่ที่อ่อนไม่ควรใช้สบู่ที่รุนแรง

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2558

10อันดับมหาวิทยาลัยด้านนวัตกรรม ที่ดีที่สุดในโลก (ชมภาพ)
 
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน

วันนี้นำ รายชื่อ พร้อมภาพสวยๆ และลิงค์เว็บไซต์ ของ 10อันดับมหาวิทยาลัยด้านนวัตกรรมที่ดีที่สุดในโลก มาฝากกันค่ะ

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า Intellectual Property & Science business of Thomson Reuters ได้จัดอันดับ 100 มหาวิทยาลัยที่มีการเรียนการสอนด้านนวัตกรรมที่ดีที่สุดในโลก

โดยปัจจัยที่นำมาพิจารณา คือ มีการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์จากไอเดียใหม่ๆ และผลิตภัณฑ์ที่มีความเฉพาะโดดเด่น อุดมด้วยความคิดสร้างสรสรค์ นอกจากนี้ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนโยบายและการปฏิบัติได้จริงที่ทรงคุณค่า

ซึ่งผลจากการจัดอันดับต่างๆ มหาวิทยาลัยด้านนวัตกรรมดีเยี่ยมของโลกคือ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ตั้งอยู่ในซิลลิคอน วัลเลย์ มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งสแตนฟอร์ดมีชื่อเสียงในนวัตกรรมด้านคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณามหาวิทยาลัยที่ติด 100 อันดับยอดเยี่ยมด้านนวัตกรรม จะรวมตัวกันอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยกลุ่มประเทศในยุโรป อาทิ เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ โดยมีประเทศเอเชียที่เข้าไปติดอันดับด้วย อาทิ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์

เราลองมาดู 10 มหาวิทยาลัยด้านนวัตกรรมยอดเยี่ยมของโลกกันค่ะ สำหรับ 100 อันดับเพิ่มเติม คลิกที่นี่ ได้เลยค่ะ
 
1. Stanford University สหรัฐฯ คะแนน : 1,685   
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : www.top10rankings.org


2. Massachusetts Institute of Technology (MIT)  สหรัฐฯ คะแนน : 1,671
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : www.top10rankings.org

 
3.Harvard University สหรัฐฯ คะแนน : 1,609
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : www.top10rankings.org


4. University of Washington สหรัฐฯ คะแนน : 1,576
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : www.top10rankings.org


5. University of Michigan System สหรัฐฯ คะแนน : 1,562
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : www.top10rankings.org


6. Northwestern University  สหรัฐฯ คะแนน : 1,558
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : www.top10rankings.org


7. University of Texas System   สหรัฐฯ  คะแนน : 1,557
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : www.utsystem.edu


8. University of Wisconsin System  สหรัฐฯ คะแนน : 1,548
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : en.wikipedia.org


9. University of Pennsylvania   สหรัฐฯ คะแนน : 1,519
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : en.wikipedia.org


10. Korea Advanced Institute of Science & Technology (KAIST) เกาหลีใต้ คะแนน : 1,515
10อันดับมหาวิทยาลัยด้านน
photo : en.wikipedia.org

ออกแบบบ้านอย่างไรให้เย็น?
     เรามีเทคนิคการสร้างบ้านให้เย็น ไปดูกันดีกว่า>_<


บ้านเย็นคนที่อยู่อาศัยก็จะเย็นไปด้วย  บ้านเป็นที่อยู่อาศัยในราคาที่แพงดังนั้นก่อนตัดสินใจที่จะซื้อหรือว่าสร้างบ้านนั้นจะต้องคิดให้รอบครอบก่อน  การที่จะสร้างหรือว่าซื้ออย่างไรให้ถูกใจอาจจะมีหลายเหตุผลในการเลือกแบบบ้านที่ถูกใจ  แต่ต่อไปนี้ทางเราจะแนะนำบ้านที่จะทำให้เย็นเป็นหลัก  โดยการแนะนำการออกแบบบ้านให้เหมาะสมต่อสภาพอากาศของบ้านเรา  ไม่ใช่สร้างให้เป็นเตาอบขึ้นมาเพื่อเป็นการตัดสินใจในการเลือกบ้านได้ด้วย  บ้านที่เย็นนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องติดแอร์ให้สิ้นเปลืองเงิน  เปลืองทั้งค่าไฟ  เรามาออกแบบให้เย็นจะดีกว่า  ซึ่งในปัจจุบันนั้นแบบบ้านจะเน้นความสวยงามและความเหมาะสมอื่นๆไม่ค่อยสนใจเรื่องออกแบบให้เย็นจึงเป็นปัญหาสำหรับคนที่อยู่อาศัยต้องติดแอร์และไม่สามารถติดตั้งหลังได้แต่ถ้าทำบ้านให้เย็นทำได้ทั่วบ้าน  การออกแบบบ้านให้เย็นสามารถที่จะให้บ้านเราอยู่ที่ไหนก็เย็นได้  ซึ่งมีคำแนะนำในการออกแบบดังนี้
                       1.หลังคาบ้าน  อันดับแรกที่เราจะต้องดูแลและให้การออกแบบที่ดีนั้นคงไม่พ้นหลังคาที่เป็นส่วนบนสุดของบ้าน  รับทั้งแดดและฝน  โดยเฉพาะแดดที่เป็นตัวทำให้บ้านร้อน  ปัจจุบันหลังจากมีวัสดุหลายอย่างอย่างเช่นสังกะสี  กระเบื้อง  และอื่นๆ  ตามที่จำหน่ายแต่ทีนี้จะมาถึงระบบระบายอากาศในพื้นที่ใต้หลังคา  เพราะหากอากาศไม่ระบายออกแล้วพื้นที่ใต้หลังจากจะสะสมความร้อนคงมายังด้านล่างได้ทำให้บ้านร้อน  ปัจจุบันในใต้หลังคาและหลังคาเองมีการปูฉนวนกันความร้อนไว้ด้วย  ทำให้ลดความร้อนลง  แต่ก็ต้องทำให้พื้นที่ใต้หลังคาเราต้องระบายอากาศอยู่ดี  การที่จะทำให้พื้นที่ใต้หลังคาได้ระบายอากาศได้ดีนั้นต้องมีช่องระบายอากาศที่ถูกต้อง  ยกตัวอย่างดังรูป
19-เทคนิคการออกแบบบ้านให้เย็น

                          นี้คือตัวอย่างการออกแบบบ้านให้สามารถระบายอากาศได้ดีและถูกต้องเพราะว่าอากาศจะลอยตัวขึ้นสูงเมื่อถูกความร้อน  ทำให้อากาศส่วนที่อยู่ด้านบนระบายออกไปได้ง่าย  แต่ปัจจุบันไม่ได้ทำแบบนี้ล่ะ  มักจะเป็นไม้ระแนงตามชายคาอย่างเดียวมากกว่าจะมีช่วยระบายอากาศด้านบน  ซึ่งจะระบายอากาศได้เช่นกันแต่จะระบายได้น้อยกว่า
                  2. กระจก  กระจกในหลายบ้านนำมาทำหน้าต่างและประตู  หรือทำเป็นฝาเลยก็มี  หลายคนที่นิยมกระจกเพราะว่าสามารถที่จะส่องทะลุออกได้ทั้งภายนอกและภายในทำให้บ้านเรามีความหรูไปอีกแบบ  และทำให้บ้านดูกว้างขึ้น  และทำให้แสงสว่างจากธรรมชาติเข้าไปโดยที่ไม่ต้องเปิดไฟ  แต่เดียวก่อน…  กระจกทำให้แสงผ่านก็ทำให้คลื่นและรังสีความร้อนเข้าไปภายในได้ง่ายและมากกกว่า  เมื่อเข้าไปแล้วจะออกได้ยากทำให้ความร้อนเกิดสะสมมากขึ้น  แต่ว่าปัจจุบันนั้นมีการใช้ฟิล์มเพื่อกรองความร้อนออกไปได้จะช่วยในเรื่องลดความร้อนได้ดี
                3. ทิศของบ้าน ทิศของบ้านที่สร้างมีความสำคัญให้บ้านเย็นได้  เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีลมมรสุมที่เกิดขึ้นเป็นฤดูกาล  จึงทำให้มีลมผ่านมายังทิศต่างๆ  ในทิศทางที่ลมพัดบ่อยมากที่สุดคือ  ทิศตะวันตกเฉียงใต้  และ  ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  เป็นช่วงที่มีทิศทางลมพัดผ่านเป็นระยะเวลานาน  ดังนั้นทิศทางที่เหมาะสมในการสร้างบ้านให้หน้าบ้านหันไปทางทิศใต้และหลังบ้านให้หันไปทางทิศเหนือ  ลมที่จะพัดในช่วงฤดูร้อนจะเป็นลมที่พัดเข้าทางหน้าบ้าน  และลมหนาวก็จะพัดเข้ามาทางหลังบ้าน
              4. หน้าต่าง  ทั้งหน้าต่างและปะตู เป็นส่วนหนึ่งในการที่จะรับลมเข้ามาภายในบ้านและทางออกของลมด้วยควรกำหนดให้มีการรับลมและปล่อยลมออกให้พอดี  ในทิศทางตำแหน่ง  ขนาดให้เหมาะสมกับการระบายอากาศ  การให้ช่องหน้าต่างให้มีการรับและผ่านออกให้ได้ตำแหน่งที่สามารถ  เข้าออกได้สะดวก  ดังตัวอย่างตามภาพ
03-เทคนิคการออกแบบบ้านให้เย็น

                    จากรูปที่ 1 เป็นการออกแบบหน้าต่างผิดเพราะไม่ได้ช่วยให้ลมเข้าออกได้สะดวกเลย  แต่รูปที่ 2 เป็นการให้หน้าต่างรับลมเข้าและออกได้อย่างสะดวก  รูปที่ 3 เป็นปะตู 1 ช่อง  และหน้าต่าง 2 ช่อง  ทำให้ลมที่พัดเข้ามาทางประตูสามารถที่จะทะลุผ่านออกหน้าต่างได้  ทำให้บ้านได้รับลมและเย็นมากขึ้น
            5. กันสาด  หลายคนคงคิดว่ากันสาดเอาไว้กันฝนที่จะสาดลงมาที่แท้สามารถที่จะกันได้ทั้งแดดและก็ฝนด้วย  สมัยนี้มีการออกกแบบกันสาดให้ยื่นออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อความสวยงาม  แต่ที่จริงแล้วหากต้องการให้กันแดดไปด้วยนั้นควรที่จะให้ยื่นออกไปมากพอสมควร  เพื่อที่จะกันแดดไม่ให้ส่องมายังฝาผนังที่เป็นปูนดูดความร้อนเอาไว้นานมาก  ควรที่จะติดตั้งกันสาดให้รอบๆบ้าน  จะทำให้ลดอากาศร้อนในบ้านได้
            6. ฉนวนกันความร้อน  ดังที่กล่าวมาในเรื่องของการออกแบบหลังคาที่เราสามารถใช้ฉนวนกันความร้อนที่ใต้หลังคาจะทำให้ลดความร้อนมายังบ้านเราได้และกำลังเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน  มีหลายชนิดหลายยี่ห้อและมีราคาที่ต่างกัน  วัสดุที่มีอยู่ช่วยในกันความร้อนมากที่สุด  คือ  ทอง  ไทเทเนียม  เงิน  สามารถสะท้อนและกันความร้อนมากที่สุด  และมีราคาแพงมาก  แต่ยังมีอลูมิเนียมก็มีประสิทธิภาพด้อยกว่าเล็กน้อย  ก็เลยต้องทำการรีดเป็นแผ่นบางๆ  แล้วติดกับกาวกับวัสดุอย่างอื่นแล้วมาจำหน่ายให้กับเราเป็นแผ่นใหญ่ก่อนนำมาใช้ก็ตัดให้มีขนาดก่อนนำไปติดใต้หลังคา
                หลังจากที่ได้แนะนำกันไปแล้ว  ตามบริเวณรอบๆบ้านควรที่จะปลูกต้นไม้เพื่อให้บ้านเราร่มรื่น  จะช่วยลดความร้อนให้กับบ้านเราได้เป็นอย่างดี

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558

ห้ามพลาด! 13 ช่อง Youtube ‪สอนภาษาอังกฤษ‬


ลบ แก้ไข
ชีวิตเราดี เพราะมียูทูปจริงๆ ค่ะ ใครที่อยากพัฒนาภาษาอังกฤษแบบ ฟรีๆ ไม่ต้องเสียตังค์ เสียเวลาเดินทาง นี้เลยค่ะ 13 ช่อง YouTube Channels ที่สอนภาษาอังกฤษ เต็มไปด้วยความรู้ ลองเข้าไปดูไป subscribe กันเลยนะคะ รับรองไม่ผิดหวังแน่ๆ ค่ะ
ที่มา >> goo.gl/NPBpa9
1. Aj Adam
สำหรับอาจารย์อดัม แบรดชอว์หลิงๆ เชื่อว่ามนุษย์อิ้งทุกคนรู้จักกันอยู่แล้วนะคะ เนื่องจากอาจารย์เป็นเจ้าของภาษาอยู่แล้ว ภาษาอังกฤษของอาจารย์ก็เล่อค่าอยู่แล้ว ที่ดีไปกว่านั้นคืออาจารย์พูดภาษาไทยเก่งมากกก ถือว่าชัดเลยทีเดียวค่ะ เรืยนกับอาจารย์อดัมไม่ผิดหวังแน่ๆ ค่ะ
Youtube: https://www.youtube.com/user/jadambrad

2. TalkAmerican By MsLingLingOfficial
สำหรับ มิสหลิงๆ (ชื่อคุ้นๆ ไหมคะ) หลิงๆ จะเน้นสอนภาษาอังกฤษแนวใช้ได้ในชีวิตประจำวันค่ะ มีทั้งคำศัพท์ คำสแลง วลี สำนวน ภาษาอังกฤษที่เราจะเจอกันบ่อยๆ อีกทั้งยังมีเทคนิคและเคล็ดลับการเรียนภาษาอังกฤษที่ไม่เหมือนคนอื่น แต่ละคลิปสั้นๆไม่ยาว ไม่น่าเบื่อ กระชับ ชัด เป๊ะ ลองเข้าไปติดตามกันดูนะคะ
Youtube: https://www.youtube.com/user/mslinglingofficial

3. BBC Learning English
สำนักข่าว BBC เป็นเจ้าของช่องนี้ค่ะ ใครที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษ แบบบริทิช ต้องไม่พลาดช่องนี้ ทางช่องมีการอัพวีดีโออยู่บ่อยๆ มีทั้งคลิปเกี่ยวกับคำศัพท์ แกรมม่า และอื่นมานำเสนอสลับกันไปค่ะ
Youtube: https://www.youtube.com/user/bbclearningenglish/videos

4.British Council: Learn English Kids
ช่องนี้คุณพ่อคุณแม่ท่านใดอยากให้ลูกๆเก่งภาษาอังกฤษ ต้อง Subscribe ด่วนค่ะ ช่องนี้จะเหมาะกับเด็กๆ มีทั้งนิทาน ทั้งเพลง น้องๆ เด็กๆ ไม่เบื่อแน่ๆค่ะ
Youtube: https://www.youtube.com/user/BritishCouncilLEKids

5. EnglishLessons4U - Learn English with Ronnie!
ช่องนี้เป็นช่องของคุณรอนนี่ค่ะ แต่จริงๆ แล้วในเครือของ EngVid.com เขามีคุณครูหลายท่านมากมาย แต่คุณครูรอนนี่มีคนติดตามถึง 7 แสน! ป๊าดดดดดด ของเค้าดีจริงค่ะ นางจะเน้น แกรมม่ากับศัพท์ค่ะ ความยาวของแต่ละวิดีโอก็จะประมาน 10 กว่านาทีค่ะ (ป.ล. หลิงๆส่วนตัวรู้สึกว่านางเหมือนตัวละครจากเรื่อง Brave อะ ใครเข้าไปดูแล้วมาบอกด้วยว่าเหมือนหรือเปล่า อิๆ)
Youtube: https://www.youtube.com/user/EnglishLessons4U

6.Rachel's English
อร๊ายยยย คุณครูเรเชล หลิงๆ ชอบนางค่ะ ใครอยากเรียนการออกเสียง “สำเนียงอเมริกัน” ให้เป๊ะ ต้องไม่พลาดช่องนี้ นางสอนแบละเอียด ถึงขนาดแลบลิ้น ถ่ายชัดถึงการขยับของปากในขณะออกเสียงให้ดูกันเลยทีเดียว นางจะอัพวิดีโอทุกๆ วันอังคาร ลองไปติดตามดูค่ะ
Youtube: https://www.youtube.com/user/rachelsenglish/

7. Anglo-Link
เรามีช่องเรียนสำเนียงอเมริกันแล้ว สำเนียงอังกฤษก็ต้องมาค่ะ นี้เลยช่องนี้เลยค่ะ หลิงๆ นำเสนอมาก คุณครู Minoo นางสอนมีการสอนคล้ายกับครูเรเชลเลยค่ะ แต่เป็นอังกฤษแบบบริททิช
Youtube: https://www.youtube.com/user/MinooAngloLink

8. Jennifer ESL
คุณครูเจนนิเฟอร์ได้สอนมานมนาน ถือเป็นคุณครูบนยูทูปรุ่นแรกเลยค่ะ ช่องของนางมีตั้งแต่ 2007 (หลิงๆ ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลยอะปีนั้น 555+) ช่องนี้มีทั้งสอนการอ่าน การเขียน และพูดค่ะ
Youtube:https://www.youtube.com/user/JenniferESL

9. EnglishClass 101
ช่องนี้นอกจากจะสอนภาษาอังกฤษแล้ว ยังทุกคนจะได้เรียนเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทั้งอังกฤษและอเมริกา ปะปนกันไป เช่น วิดีโออธิบายวันสำคัญของทั้งประเทศ สนุกไปอีกแบบค่ะ
Youtube: https://www.youtube.com/user/ENGLISHCLASS101/

10. Go Natural English
ช่องนี้เป็นอีกช่องที่เน้นการสอนภาษาอังกฤษแบบอเมริกันค่ะ วิดีโอสั้นๆ ไม่ยาวมากค่ะ จะอัพวิดีโอทุกๆวันจันทร์ พุธ และศุกร์ค่ะ
Youtube: https://www.youtube.com/user/GoNaturalEnglish/

11. Learn English Conversation with Hello Class
ช่องนี้จะบอกว่าความรู้เต็มๆ เหมือนเรียนในห้องเรียนเลยค่ะ เพราะ แต่ละวิดีโอยาวเป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียวค่ะ ใครแน่จริงๆ จัดเลยค่ะ (ไม่ต้องไม่เสียตังค์เรียนพิเศษเลยนะเนี่ย) แต่เสียดายอยู่อย่างคือ ช่องนี้จะอัพไม่ทีมากค่ะ เดือนละครั้ง สองเดืองครั้ง แต่ก็เข้าใจอะ แต่ละคลิปเป็นชม. คงใช้เวลาทำนานอยู่ อิๆ
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCTj_JsfOlH4rHsREPkWxnzg/

12 Learn English with Emma [engVid]
คุณครูเอมม่าค่ะ นางอยู่ในสังกัดเดียวกับคุณครูรอนนี่ แต่คุณเอมม่าจะไม่เน้นพวกแกรมม่า แต่จะเป็นพวกคำแนะนำในการเรียน การเขียน และที่สำคัญเน้นติวเพื่อไปสอบ IELTS จ้าาาา ใครที่กำลังเตรียมไปสอบ เข้าไปนั่งดูทั้ง Playlist เลยค่ะ
Youtube: https://www.youtube.com/user/EnglishTeacherEmma/

13. Learn English with Let's Talk - Free English Lessons
สุดท้ายเราจะตบด้วยช่องนี้ค่ะ ช่องนี้ที่หลิงๆ เอามาแนะนำเพราะว่าจะมีการแนะนำพวกภาษาอังกฤษที่ใช้ในโลก Business ซึ่งหลายๆ ช่องอาจจะไม่ค่อยพูดถึง ยังไงนักธุรกิจทั้งหลายลองไปส่องดูจ้าาาา
Youtube: https://www.youtube.com/user/learnexmumbai/
นาซาพบหลักฐานมีแหล่งน้ำในสภาวะของเหลวบนดาวอังคาร
 
นาซาพบหลักฐานมีแหล่งน้ำใ

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมี่อวันจันทร์ที่ผ่านมา องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือองค์การนาซาเผยพบน้ำที่ยังคงไหลอยู่บนพื้นผิวดาวอังคาร โดยการพบแหล่งน้ำครั้งนี้สร้างความหวังทั้งในแง่ความเป็นไปได้ที่จะค้นพบสิ่งมีชีวิตและความหวังที่วันหนึ่งมนุษย์จะเดินทางมาที่ดาวแห่งนี้

ในขณะที่การค้นพบไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงหลักฐานสัญญาณของสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคารทั้งในอดีตและปัจจุบัน แต่การพบน้ำเพิ่มความหวังว่าบนพื้นผิวของดวงดาวแห่งนี้มีสถานที่ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการดำรงชีพของจุลินทรีย์

นายจอห์น กรันส์เฟลด์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกปฏิบัติการภารกิจทางวิทยาศาสตร์ของนาซาระบุว่า "การมีอยู่ของน้ำในสภาวะของเหลว แม้ว่าจะเป็นน้ำที่มีความเข้มข้นของเกลือแร่ที่สูงมากก็ตาม ช่วยเสริมความเป็นไปได้ว่าหากมีสิ่งมีชีวิตอาศัยบนดาวอังคาร เราก็จะสามารถอธิบายได้ว่าพวกมันมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างไร"

การศึกษาจากภาพถ่ายแสดงให้เห็นริ้วสีดำบนพื้นผิว ที่มีการดูดคลื่นแสงเข้ากับสารเคมีที่ดึงน้ำออกจากชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร โดยที่สารเคมีนี้ทำให้น้ำคงสถานะของเหลวได้แม้ระดับอุณหภูมิต่ำ รวมถึงช่วยให้น้ำไม่เดือดจนแห้งระเหยไปในชั้นบรรยากาศที่บางของดาวอังคาร

ทั้งนี้ นักวิจัยเคยรายงานก่อนหน้านี้ว่ามีการค้นพบน้ำแข็งบนขั้วโลกของดาวอังคาร และมีการพบแอ่งน้ำเกิดขึ้นในช่วงกลางคืนบนพื้นผิว

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2558


            

7 ร้านเด็ด รอบองค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม

ส้มโอหวาน ข้าวสารขาว ลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า” คำขวัญประจำจังหวัด นครปฐม ถ้าพูดถึงเรื่องเด่นๆ ในจังหวัดนั้นๆ ก็จะถูกมาอยู่ในคำขวัญประจำจังหวัดนั่นแหละค่ะ อย่างจังนครปฐม จังหวัดเล็กๆ ที่อยู่ห่างจากกรุงเทพ 56 กิโลเมตร เมืองแห่งร่องรอยอารยธรรมพุทธศาสนา และอุดมสมบูรณ์ด้วยผลไม้นานาชนิด และขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อย วันหยุดพักผ่อนย่อนใจแวะเวียนไปไหวขอพรที่องค์พระปฐมเจดีย์ อย่าลืมแวะทานอาหารอร่อยๆ นะคะ
นครปฐม
ร้านอาหารรอบองค์พระปฐมเจดีย์ นครปฐม เมืองแห่งสวรรค์ 
ร้านอาหารนครปฐม
ร้านครัวอภิรัตต์ จุดเด่นของที่นี่คือหมูทุบแสนอร่อย ที่ทำจากเนื้อสะโพกนำไปแช่แข็งแล้วเอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปบดจนเหนียว พอนำมาลวกน้ำร้อนแล้วรสสัมผัสเหมือนลูกชิ้นที่ไม่มีส่วนผสมของแป้งเลยค่ะ นอกจากนั้นยังมีหมูสามชั้นชุบแป้งทอด ด้วยเครื่องปรุงในการหมักหมูสูตรพิเศษไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมีลูกชิ้นปลา ฮื่ก๊วย เกี๊ยวทอด
พิกัด
ถนนราชดำริห์ ริมคลองเจดีย์บูชา ตราข้ามกับวัดพระงาม
ร้านเปิด 10:00 – 17:00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 0-3425-2550
ข้าวหลาม
ข้าวหลามแม่ลูกจันทร์ ที่นครปฐมก็เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่ขายข้าวหลามอร่อยๆ และร้านนี้ ข้าวหลามแม่ลูกจันทร์ยังใช้วิธีการเผาข้าวหลามในวิธีแบบเดิมโดยเผาด้วยถ่านแลเปลือกไม้ไผ เป็นการเผาด้วยไฟรุมๆ ทำให้ความสุกของข้าวอยู่ในระดับที่พอดีๆ จุดเด่นของร้านแม่ลูกจันทร์คือมีหลายไส้ ตั้งแต่หน้าออริจินัล ข้าวเหนียวดำและข้าวเหนียวขาว และแบบพิเศษคือ ข้าวหลามอัญชันสีฟ้า , ข้าวหลามหน้าสังขยา มีทั้งข้าวเหนียวดำและข้าวเหนียวขาวเช่นกัน และข้าวหลามเบญพรรณ ที่ใส่ ถั่วแดง ชาเขียว ใบเตย แห้วและข้าวบาร์เลย์ และที่พิเศษที่สุดไม่มีใครเหมือนคือ ข้าวหลามบ๊ะจ่าง ที่ประกอบไปด้วยเนื้อหมูติดมัน ไข่แดงเค็ม กุ้งแห้ง เห็ดหอม ถั่วลิสง กระเทียม พริกไทย
พิกัด
หลังสถานีรถไฟนครปฐม และ ร้านทองจินดา 5 ถนนซ้านพระ ข้างพระปฐมเจดีย์
ร้านเปิด 8:00 – 14:00 (หากขายหมดก็จะปิดเลย กรุณาโทรไปสอบถามก่อน)
เบอร์โทรศัพท์ 08-1572- 4262 , 08-9920-5116 , 08-0433-9779
154
ร้านหงษ์หยก ร้านข้าวหมูแดงเจ้าดังที่นครปฐม ที่เรียกกันติกปากว่าข้าวหมูแดงไข่แข็งนั้นเองค่ะ ทำไมถึงเรียกว่าไข่แข็ง เพราะว่าไข่ร้านนี้จะมีลักษะณะที่แข็งแต่อร่อย เพราะเขาต้มเหมือนไข่พะโล้ แล้วเด็ดตรงที่น้ำซอสสูตรประจำร้านที่ไม่เหมือนใคร ซอสที่นี่จะเป็นสีน้ำตาลผสมเมล็ดงาด้วย ราดบนเนื้อหมูแดงและหมูกรอบ
พิกัด
ตั้งอยู่บริเวณริมคลองซอย 1 ตรงข้ามกับอำเภอเมืองเก่า
เปิดทุกวัน 8:00-15:00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 034-212-261
296486_163441523742575_353672647_n
วุ้นคุณอุ๊ ต้นตำรับจากวุ้นคุณอุ๊ชื่อดัง ต้นตออยู่ที่นครปฐมนี้เองค่ะ สร้างชื่อเสียงและคงความอร่อยมาหลายสิบปี จนปรับปรุงพัฒนะให้มีหลากหลายรสชาติจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นรวดลาย สีสีสดใส รสชาติที่แปลกใหม่ เช่น วุ้นมะพร้าวใสไม่ใส่กะทิ วุ้นกะทิ วุ้นกาแฟ วุ้นใบเตย วุ้นสังขยา วุ้นขนุน เป็นรูปหัวใจ รูปเป็ด ต่างๆ
สาขาที่ 1 ถ.เทศา ซอย 4 ตรงข้ามศาลจังหวัดนครปฐม
สาขาที่ 2 ถ.เทศา ซอย 6 ตรงข้ามสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม
สาขาที่ 3 ถนนเพชรเกษม ก่อนวัดศรีษะทอง ติดปั๊มบางจาก
สาขาที่ 4 เยื้องห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ติดถนนสิรินธร
เวลาเปิด 7.30 – 20.30 น.
สาขาที่ 1 โทรศัพท์ : 034-257348
สาขาที่ 2 โทรศัพท์ : 034-241560
สาขาที่ 4 โทรศัพท์ : 02-8811760
pageร้านหมูย่างผู้ใหญ่มุ่ย หมูย่างเนื้อนุ่มหนังกรอบ ที่ผ่านการย่างจากเตาที่มีทรงสูง ไฟด้านล่าง ซึ่งต้องเผาจากไม้โกงกางหรือไม้สนทะเล เผาจนไม้มอดถึงจะนำหมูลงไปย่างได้ ใช้เวลาย่าง 3 ชั่วโมง ถึงจะได้หนังที่กรอบ นอกจากนี้ยังมีต้มซุปเปอร์แซ่บซดให้คร่องคอ เห็นวิธีทำที่ใส่ใจพิถีพิถันขนาดนี้ต้องไปลองดูสักครั้ง
บริเวณตลาดล่างหน้า ซอย 7 ทางไปองค์พระปฐมเจดีย์
ทุกวัน 07.30 -15.00 น.
เบอร์โทรศัพท์ 034-305-926 ,034-289-790 ,081-942-6792 ,081-763-5785
ร้านนครปฐม
ร้านติ๊กโภชนา ที่ตลาดนครชัยศรีในตัวเมืองใกล้กับริมน้ำ ร้านเก่าแก่ที่สืบทอดมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ยังคงเป้นร้านอร่อยที่อยู่คู่กับนครปฐม เมนูที่นี่มีมากมายหลายอย่างเช่น ปลาช่อนแช่น้ำปลาทอด ห่อหมกปลาช่อน กุ้งแม่น้ำทอดกระเทียมพริกไทย ต้มยำกุ้ง ไข่เจียวหมูสับ และลูกชิ้นปลาฉลาดผัดเผ็ด ผัดผักกาดขาวใส่ก้ามกุ้ง เป็นต้น แต่เมนูที่คนเรียกร้องและต้องสั่งกันทุกคนคือ ไข่เจียวหมูสับ เมนูที่ธรรมดาแต่ดูไม่ธรรมดา โดยวิธีการทอดของเขาจะทอดให้ฟู หนานุ่ม และที่ไม่เหมือนใครคือใส่กระเทียมดอง
ตลาดนครชัยศรี(ท่านา)
10.00 – 17.00 น.อังคาร – อาทิตย์  หยุด จันทร์
เบอร์โทรศัพท์ 034-331-753 ,034-333-576
นครปฐม
นครปฐม
ร้าน กุ้งอบภูเขาไฟ ร้านเด็ดที่คนพูดถึงกันบ่อยๆ กับเมนูกุ้งอบภูเขาไฟเหมือนกับชื่อร้าน ร้านอยู่ตรงข้าม โรงพยาบาลสนามจันทร์ ร้านนี้ถือเป็นไฮไลท์ของจังหวัดนครปฐม และยังมีเมนูซีฟู้ดมากมายหลายอย่างให้เลือกสั่ง อย่างเช่นหอยนางรมสดๆ ปูนิ่มทอดกระเทียม หอยแครงลวก จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดอร่อยเหาะ
พิกัด อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลสนามจันทร์) ถ.เพชรเกษม ต.สนามจันทร์
ทุกวัน : 10:00 – 22:00
เบอร์โทรศัพท์  034-255-041, 034-241-109
ร้านอาหารในจังหวัดเล็กๆ อย่างนครปฐม ยังมีร้านอาหารอีกเยอะ ร้านอาหารเด็ดๆ ของสดๆ เยอะแยะมากมาย ซึ่งเป็นจังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ในเรื่องของอาหารการกินเป็นอย่างมาก ใครที่วันหยุดอยากพาครอบครัวมาเที่ยวและหาอะไรกินอร่อยๆ แนะนำจังหวัดนครปฐมเลยค่ะ
*หมายเหตุ รวมร้านอาหารแนะนำในจังหวัด นครปฐมแค่บางส่วนเท่านั้น ยังมีร้านเด็ดอีกหลายร้านค่ะ ^^
เรียบเรียงโดย Food MThai